วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

ครั้งที่ 18

ร้านส้มตำไก่ย่างลุง หน้าหอสยาม

          เป็นร้านส้มตำไก่ย่างที่ขายอยู่ในรถมอเตอร์ไซค์พ่วง ลุงจะขับรถมาขายทุกวันที่หน้าหอสยาม เยื้องหน้ามหาวิทยาลัยรังสิตอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตึกนันทนาการของมหาวิทยาลัย  ตั้งแต่เวลา 13:00 น. เป็นต้นไป ลุงจะขายไปเรื่อยๆ จนหมด ขายในเวลาเพียงไม่นานประมาณบ่าย4 โมงเย็นลุงก็จะเริ่มขายหมดและเก็บของกลับแล้ว บางวัน 4 โมงเย็นหมดแล้วก็มี เพราะถือว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่ากันเลยทีเดียว จะมีโต๊ะหินอ่อนที่อยู่หน้าหอสยามไว้นั่งกินกันตรงนั้นเลยก็ได้ครับ ส่วนมากลูกค้าก็จะเป็นนักศึกษาและชาวบ้านทั่วไปที่ผ่านไปผ่านมาแถวนั้นเป็นประจำที่มาซื้อ และตัวผมเองก็ถือว่าเป็นลูกค้าประจำเลยก็ว่าได้ เพราะกินมาตั้งแต่ปี 1 จนถึงตอนนี้ อยู่ปี 3 จะขึ้นปี 4 แล้วก็ยังไปอุดหนุนลุงอยู่เป็นประจำ เพราะรสชาติส้มตำของลุงจะเป็นรสชาติที่มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร จะเป็นรสชาติที่กลมกล่อมสัมผัสถึงรสชาติของส้มตำอีสานได้อย่างแท้จริง และมีอาหารอย่างอื่นด้วย เช่น ข้าวเหนียว ไก่ย่างและปลาดุกย่างที่ไว้มากินกับส้มตำ ไก่และปลาดุกของลุงจะสดใหม่และย่างร้อนๆ ทุกวันทำให้ได้อรรถรสในการกินมากขึ้นเลยทีเดียว เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้ว เพื่อนๆ จะรอช้ากันอยู่ทำไมละครับ  ครัยผ่านไปแถวนั้น ก็อย่าลืมแวะชิมกันได้เลยนะครับ










เห็นแล้วน่ากินกินกันไม๊ละครับเพื่อนๆ


          
ครั้งที่ 17

ร้านอาหารอีสานอร่อย!!
ย่านมหาวิทยาลัยรังสิต

ร้านสัมตำ เมี่ยงปลาเผาหน้าหอสุขสบาย 4 
หน้ามหาวิทยาลัยรังสิต

          เป็นร้านอาหารอีสานที่มีรสชาติอร่อยและเข้มข้น ได้รสชาติของอีสานเต็มๆ กินแล้วทำให้นึกถึงอีสานบ้านเกิดกันเลยทีเดียว มีอาหารและเมณูใหเลือกหลายอย่าง เช่น เมี่ยงปลาเผา หมูกระทะ และอาหารอีสานอื่นๆ อีกมากมาย เปิดตั้งแต่เวลา 14 : 00 น. ไปจนถึง 24 : 00 น. บางวันถ้ามีลูกค้าเยอะก็ขายไปจนถึงเที่ยงคืนเลยก็มีครับ

เพื่อนๆ คนไหนเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยรังสิตหรือใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยรังสิต ว่างๆ หรือมีโอกาศก็อย่าลืมแวะมาชิมกันได้นะครับ



รูปบรรยากาศโดยรอบของร้าน













เห็นอย่างงี้แล้ว อย่าลืมไปอุดหนุนกันนะครับ








ครั้งที่ 16


ซุปขนุน


ส่วนผสม
ขนุนอ่อน
พริกสด
หัวหอมแดง กระเทียม
งาขาวคั่ว
ต้นหอม ผักชี ใบสาระแหน่
ใบผักแพรว ถ้ามีไม่มีไม่ใส่ก็ได้
น้ำปลาร้าต้มสุก
ปลาทู ปลาดุกปิ้งก็ได้
น้ำปลา
ผงนัว ชูรสนั้นเอง

วิธีทำ

1.ล้างขนุนให้สะอาดแล้วเอาไปต้ม จนขนุนนิ่มแล้วเอาออกจากหม้อใส่ตะแกรงให้สะเด็ดน้ำ
2.คั่วงาขาวเตรียมไว้ ซอยต้นหอม ผักชี เด็ดใบสาระแหน่ และใบผักแพรวเตรียมไว้
3.แล้วก็คั่วพริก หัวหอมแดง กระเทียม
4.ทอดปลาทูหรือจะปิ้งก็ได้
5.ตำส่วนผสมข้อ ๓ จนละเอียด ตามด้วย ปลาทู 
6.ปลาละเอียดแล้วก็เอาขนุนไปตำให้ละเอียด
7.ปรุงด้วย น้ำปลา น้ำปลาร้าต้มสุก ชูรส หรือปรุงรสตามใจชอบ
8.หลังจากนั้นก็ใส่งาคั่วขาวคลุกลงไป โรยด้วยต้นหอม ผักชี ใบสาระแหน่ ใบผักแพรว
ครั้งที่ 15


ก้อยปลา


ส่วนผสม
เนื้อปลา ปลาอะไรก็ได้ ตะเพียน กระมัง กระสูบ ตะโกก ได้หมด
มดแดง (เอาตัวนะ ไม่เอาไข่) หรือถ้าไม่มีก็เอาน้ำมะนาวก็ได้
พริกแดง
ข้าวคั่วป่น
หอมแดง
ต้นหอม
ผักชี
น้ำปลา
ผงชูรส
ง่ายๆเลย เครื่องลาบอ่ะ จบเลย

วิธีทำ
ก็แล่เอาเฉพาะเนื้อปลา เอาไปสับให้ละเอียด จากนั้นก๋เอามดแดงตัวเป็นๆนี่แหละครับ มาใส่ในชามเนื้อปลาของเรา แล้วก็ขยำๆๆๆๆๆ ให้น้ำเปรี้ยว (Formic Acid) ในตัวมดแดงออกมาผสมกันเนื้อปลา แล้วเนื้อปลาที่เป็นก้อนโปรตีน เมือสมผัสกับกรด ก็จะเกิดการแปรสภาพเหมือนโดนความร้อน เมื่อขยำจนเหนียว ก็ให้บีบน้ำออก แล้วก็นำเนื้อปลาที่ได้มาผสมกับเครื่องปรุงที่เตรียมไว้ ถ้ากลัวเป็นพยาธิ ก็เอามาคั่วในกระทะก่อนจะนำไปปรุงรส


ครั้งที่ 14


ซกเล็ก


ส่วนผสม
เนื้อวัว เครื่องในวัว(ผ้าขี้ริ้ว ตับ)รวมกัน 300 กรัม
เลือดวัวสดๆ 1 ถ้วย
ใบตะไคร้ 6 ใบ
สะระแหน่เด็ดเป็นใบ 1/2 ถ้วย
ต้นหอมซอย 2 ต้น
ผักชีฝรั่งซอย 2 ต้น
พริกแห้งคั่วโขลกละเอียด 1 ช้อนชา
ข้าวคั่วป่น 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2-3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ล้างเนื้อและเครื่องในให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นบาง
2. ขยำใบตะไคร้กับเลือดสดประมาณ 5-10 นาทีจนเป็นฟองเพื่อดับคาว เอาใบตะไคร้ออก
3. เคล้าเนื้อ เครื่องใน ใส่ข้าวคั่ว พริกป่น ต้นหอม ผักชีฝรั่ง เคล้าให้เข้ากัน ราดด้วยเลือดสดที่เตรียมไว้
4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว ตักใส่จาน โรยด้วยใบสะระแหน่ เสิร์ฟ
ครั้งที่ 13


แกงหน่อไม้


ส่วนผสม
หน่อไม้รวกเผา5 หน่อ (300 กรัม)
ใบย่านาง20 ใบ (115 กรัม)
เห็ดฟางฝ่าครึ่ง? ถ้วย (100 กรัม)
ชะอมเด็ดสั้น? ถ้วย (50 กรัม)
ฟักทองหั่นชิ้นพอคำ? ถ้วย (50 กรัม)
ข้าวโพดข้าวเหนียวฝานเอาแต่เมล็ด? ถ้วย (50 กรัม)
แมงลักเด็ดเป็นใบ? ถ้วย (50 กรัม)
ตะไคร้ทุบหั่นท่อน? 2 ต้น (60 กรัม)
น้ำปลาร้า3 ช้อนโต๊ะ (48 กรัม)
น้ำ3?4 ถ้วย (300?400 กรัม)
กระชายทุบ? ถ้วย (10 กรัม)
พริกขี้หนู10 เม็ด (10 กรัม)
ข้าวเบือ1 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม)
น้ำปลา? 2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)
หมายเหตุ ข้าวเบือ คือ ข้าวเหนียวแช่น้ำประมาณ 20 นาทีขึ้นไป

วิธีทำ
1.โขลกข้าวเบือให้ละเอียด
2.ปอกเปลือกหน่อไม้ ตัดส่วนแก่ทิ้ง ตัดเป็นท่อนยาว 2 นิ้ว ต้มน้ำทิ้ง 2-3 ครั้ง ให้หายขื่น
3.โขลกใบย่านาง แล้วนำไปคั้นกับน้ำ ให้น้ำใบย่านางออก กรองใส่หม้อ
4.นำหม้อที่ใส่น้ำใบย่านางยกขึ้นตั้งไฟ ใส่หน่อไม้พอเดือดใส่กระชาย พริกขี้หนู ตะไคร้ ข้าวเบือ น้ำปลาร้า น้ำปลา ต้มสักครู่ ใส่ฟักทอง เห็ดฟาง ข้าวโพด เมื่อทุกอย่างสุกทั่วกันดี ใส่ชะอม ใบแมงลัก ยกหม้อลง
ครั้งที่ 12


แกงเห็ดรวม


ส่วนผสม
เห็ดฟาง
ผักหวาน
ใบแมงลัก
น้ำปลา
น้ำปลาร้า
ผงชูรส
ตะไคร้ หัวหอมแดง กระเทียม โขลกให้ละเอียด

วิธีทำ
1.นำเห็ดฟางไปล้างน้ำขูดเอาดินออก แล้วผ่าครึ่ง
2.เอาน้ำใส่หม้อสักหนึ่งถ้วย แล้วเอาพริกแกงที่โขลกเตรียมไว้ลงไปในหม้อคนให้เข้ากัน พอเดือดอีกที่เอาเห็ดลง
3.พอสักพักก็ปรุงรสด้วย น้ำปลา ผงชูรส น้ำปลาร้า ปรุงรสตามชอบ


4.ใกล้จะยกลงเอาผักหวานและใบแมงลักใส่ลงไปในหม้อแล้วปิดฝาไว้ หรือใครไม่ชอบทานปลาร้า ไม่ต้องใส่ก็ได้
ครั้งที่ 11



น้ำตก


ส่วนผสม
สันในหมู 250 กรัม
หอมแดง 2 หัว
ต้นหอม 2 ต้น
ผักชี 4–5 ต้น
ใบสะระแหน่ 1/4 ถ้วย
น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว หรือ น้ำปลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
พริกป่น 1/2 ช้อนชา
ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1.นำสันในหมูมาล้างน้ำ สะเด็ดน้ำแล้วใช้ส้อมจิ้มให้ทั่ว วางบนตะแกรง ใส่ถาด แล้วนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 350?F นานประมาณ 20 นาที
2.ปอกเปลือกหอมแดง ตัดรากต้นหอมและผักชี ตัดก้านสะระแหน่ จากนั้นนำไปล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วซอยหอมแดงบางๆ ซอยต้นหอมและผักชีหยาบๆ ส่วนสะระแหน่เด็ดเป็นใบๆ พักไว้
3.นำเครื่องปรุงต่างๆ คือ น้ำมะนาว ซีอิ้วขาว หรือน้ำปลา น้ำตาลทราย และพริกป่น มาผสมรวมกันในถ้วย ชิมรสตามชอบ จากนั้นเมื่ออบสันในหมูได้ที่แล้วให้นำมาหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ
4.นำหมูที่หั่นไว้มาใส่ในชามผสม นำหอมแดง ต้นหอม ผักชีที่ซอยไว้ และใบสะระแหน่ที่เด็ดไว้ใส่ลงไปครึ่งหนึ่ง คลุกเคล้าเครื่องทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้น นำน้ำปรุงรสที่ผสมไว้และข้าวคั่วเทลงไป คลุกให้เข้ากันกับเนื้อหมูให้ทั่ว
5.ตักใส่จานโรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ที่เหลือ เท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟ
ครั้งที่ 10


ลาบ 



ส่วนผสม
หมูสับ 350 กรัม
ใบสาระแหน่ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอมซอย 3 ช้อนโต๊ะ
ผักชีหั่นหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 0.5 ช้อนชา
หอมแดงหั่นหยาบ 0.5 ถ้วยตวง
น้ำซุปไก่ 1 ถ้วยตวง (หรือน้ำเปล่า)
กะหล่ำปลี 0.5 ลูก (หั่นเป็นเสี้ยว)
ถั่วฝักยาว 5 ต้น (หั่นเฉียง)

วิธีทำ
1. ต้มน้ำในหม้อเล็ก ใส่หมูสับและต้มต่อไปอีก 2 นาที ระหว่างต้มใช้ทัพพีเขี่ยให้หมูแยกออกจากกัน เมื่อหมูสุกดีแล้วจึงปิดไฟ และเทน้ำออก
2. นำหมูที่สุกแล้วไปใส่ในชามขนาดกลาง เติมหอมแดง, ต้นหอม, ผักชี และใบสาระแหน่ (เหลือนิดหน่อยไว้แต่งหน้า) ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว, น้ำปลา, ข้าวคั่ว, พริกป่นและน้ำตาล คนจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน
ครั้งที่ 9

แกงอ่อม



ส่วนผสม
เนื้อหมูหั่นชิ้นบางๆพอคำ (200 กรัม) 1 ถ้วยตวง
กะหล่ำปลี หั่นเป็นชิ้นพอคำ (250 กรัม) 2 ถ้วยตวง
กวางตุ้ง (250 กรัม) 2 ถ้วยตวง
ผักชีลาวหั่นท่อนยาว 1 นิ้ว (25 กรัม) ¼ ถ้วยตวง
ต้นหอมหั่นท่อนยาว 1 นิ้ว (30 กรัม) ¼ ถ้วยตวง
ตะไคร้หั่นท่อน 1 นิ้วบุบพอแหลก (42 กรัม) 3 ต้น
ใบมะกรูดฉีก (4 กรัม) ประมาณ 4 ใบ
น้ำปลาร้า (50 กรัม) ¼ ถ้วยตวง
น้ำปลา (24 กรัม) 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
คนอร์ซุปหมูก้อน 1 ก้อน
ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
บางสูตรอาจจะใส่ข้าวเบือ ข้าวเบือ คือน้ำข้าวสารไปแช่น้ำ แล้วนำมาโขลกเพิ่มความข้น
หัวหอมแดงประมาณ (40 กรัม) 8 หัว
พริกขี้หนูประมาณ (20 กรัม) 15 เม็ด

วิธีทำ
1.โขลกพริกขี้หนู กับหัวหอมแดง ให้เข้ากันไม่ต้องละเอียดมากพักไว้
2.ตักเครื่องที่โขลกไว้ใส่หม้อตั้งไฟ ใส่ตะไคร้ ตามด้วยเนื้อหมู เติมน้ำเปล่าเล็กน้อย ใส่น้ำปลาร้าและน้ำปลาลง รวนจนได้กลิ่นหอมของสมุนไพรและหมูสุก
3.เติมน้ำเปล่าลงไปพอเดือดใส่คนอร์ซุปหมูก้อน และข้าวคั่วคนให้เข้ากัน ใส่กะหล่ำปลี กวางตุ้งต้นหอม และผักชีลาว ต้มจนผักทั้งหมดสุ ก ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ
4.หมายเหตุ สำหรับผู้ที่ชอบความรสจัดแบบอีสานแท้ๆ สามารถเพิ่มพริกและปล้าร้าได้ตามชอบ


ครั้งที่ 8

ต้มแซ่บ


ส่วนผสม
กระดูกหมูอ่อน 1/2 กิโลกรัม
ตระไคร้ 2 ต้น
ข่า 1 ต้นใบมะกรูด 3 ใบ
ผักชีฝรั่ง 3 ต้น
พริกขี้หนูแห้งทอด 5 เม็ด
ซุปไก่ก้อนคนอร์ 1 ก้อน
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 3 + 1/2 ช้อนโต๊ะ (3 ช้อนโต๊ะครึ่ง)
พริกป่น 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
1. นำกระดูกหมูอ่อนมาต้มในน้ำเดือดจนเปื่อยนิ่ม
2. จากนั้นให้ใส่ใบมะกรูด ข่า ตระไคร้ ซุปไก่ก้อนคนอร์ลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว พริกป่น และพริกทอด ชิมรสตามต้องการ
3. ตักใส่ถ้วย โรยผักชีฝรั่งซอย และผักชีซอย เสิร์ฟร้อนๆ
ครั้งที่ 7


10 อันดับ  อาหารอีสานที่ยอดฮิตที่สุด! 
                       พร้อมวิธีการทำง่ายๆ ครบสูตรอีสาน

ส้มตำปูปลาร้า


ส่วนผสม
มะละกอดิบ 2 ถ้วย
กระเทียม 3 กลีบ
พริกขี้หนู 5-6 เม็ด
มะเขือเทศผ่าครึ่ง 1-2 ลูก
ปูดอง 1-2 ตัว
ถั่วฝักยาวหั่น 1 ฝัก
น้ำปลาร้าต้ม(ใส่เนื้อปลาร้าด้วยก็ได้) 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
กุ้งแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว หรือ น้ำมะขามเปียก 1/4 ถ้วย
น้ำตาลปี๊ป 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ปลอกมะละกอ และล้างด้วยน้ำให้สะอาด แล้วทำการเฉาะและสับ แล้วใช้มีด ฝานให้เป็นเส้นๆ
หรืออาจใช้ที่ไสมะละกอแทน
2. ใส่กระเทียมและพริกขี้หนู ลงในครก แล้วตำให้พอแตก แล้วตามด้วยถั่วฝักยาว ตำให้แหลก
3. ใส่มะเขือเทศ น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำปลาร้า แล้วตำให้เข้ากัน
4. ใส่มะละกอ แล้วตามด้วยปูดอง(ดึงกระดองปูด้านในทิ้งก่อน)แล้วตำเบาๆ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
5. ชิมแล้วปรุงจนชอบ ตักใส่จานทานพร้อมผักสด
ครั้งที่ 6

ตัวอย่างที่5
หอยขม


 แกงหอยขม


          หอยขม หรือภาษาในบางท้องถิ่นเรีอกว่า หอยจุ๊บ หรือหอยดูด เป็นที่รู้จักกันดีและมีขายในตลาดทั่วไป เป็นหอยฝาเดียวที่พบเฉพาะในแหล่งน้ำจืดเท่านั้น นิยมนำมาทำอาหาร เช่น แกงคั่วหอยขม แกงอ่อมหอยขม และอื่น ๆ อีกมากมาย
ครั้งที่ 5

อย่างที่ 4
กบ



อ่อมกบ



          ปัจจุบันกบเป็นอีกหนึ่งอาหารโปรตีนที่หลายๆคนนิยมรับประทาน โดยเฉพาะทางภาคอีสาน นำมาทำอาหารได้สารพัด ไม่ว่าจะเป็น ปิ้ง ทอด ผัดเผ็ด ฯลฯ หาได้ตามทุ่งนา แต่ในปัจจุบันนี้หาได้ยากตามทุ่งนา เพราะสภาพอากาศเปลี่ยนไปและสิ่งแวดล้อมย่ำแย่ลง จะมีแต่ก็กบเลี้ยง แต่อาจไม่ปลอดภัยเท่ากบที่หามาจากทุ่งนาสักเท่าไหร่
ครั้งที่ 4

อย่างที่ 3 
จิโป่ม



ป่นจิโป่ม



               เป็นอาหารของชาวอีสานในฤดูเก็บเกี่ยว หาได้ตามป่า ทุ่งนา และห้วยหนองคลองบึง หลังจากที่ชาวบ้านหาได้ก็จะนำมาประกอบอาหาร ยกตัวอย่างเช่น ผัด ทอด ขั้ว แกง หรือป่นที่เห็นตามภาพ ถือว่าเป็นอาหารรสเด็ดอีกอย่างหนึ่งของชาวอีสานเลยก็ว่าได้
ครั้งที่ 3


อย่างที่ 2
เห็ดเผาะ


 


แกงเห็ดเผาะ



               เห็ดเผาะ จะมีในช่วงฤดูหน้าฝน จากฝนตกอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เห็ดเผาะหรือเห็ดถอบเริ่มออก เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเคยผ่านตากับเห็ดลูกกลมๆ นี้มาบ้างแล้ว ทีนี้มาดูสรรพคุณว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง ลองมาทำความรู้จักกันครับ

สรรพคุณของเห็ดเผาะ มีอยู่มากมายหลายอย่างคือ บำรุงร่างกาย ชูกำลัง หยุดการไหลของเลือด สมานแผล ลดอาการบวม ลดอาการคันนิ้วมือนิ้วเท้า ลดไข้อาการร้อนในเป็นต้น
ครั้งที่ 2

1 ใน 5 ของอาหารอีสานที่หายากที่สุด!
 เรามาดูอย่างแรกกันครับ  
ไข่มดแดง



ก้อยไข่มดแดง



          วันนี้เรามาทำความรู้จักกับไข่มดแดง อาหารที่ขึ้นชื่อของชาวอิสานกันครับ  ชาวอีสานถือเป็นอาหารที่อร่อยประจำบ้านกันเลยทีเดียวครับ  ด้วยการปรุงง่ายๆแต่รสชาติอร่อยมาก ก้อยไข่มดแดงจึงเป็นอาหารขึ้นชื่อของชาวอีสานไปโดยปริยาย  ดังคำพูดที่ว่า "มาอีสานต้องมากินก้อยไข่มดแดง ถ้ามาแล้วไม่ได้กินถือว่ามาไม่ถึงอีสาน" ไข่มดแดงจัดว่าเป็นอาหารตามฤดูกาล จะมีในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่ประมาณช่วงเดือน "กุมภาพันธ์" เรื่อยไปจนถึงเดือน "มิถุนายน"ครับ  ถ้าผู้อ่านอยากรู้และอยากลิ้มลองรสชาติของก้อยไข่มดแดงว่าเป็นอย่างไร จะแซ่บขนาดไหน ผมจะมาอัพเดทสถานที่ให้ว่าสามารถหาซื้อได้ที่ไหนบ้าง และอย่าลืมเข้ามาติดตามกันนะครับ

ครั้งที่ 1

เรามาดูกัน...ว่าอาหารอีสานมีหน้าตาอย่างไร


                                     อาหารที่เห็นตามภาพ

                                   1.ส้มตำปูปลาร้า                     
                                   2.ลาบหมู
                                   3.แกงเห็ด                              
                                   4.ลาบปลากาย


"นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของอาหานอีสานที่เราเอามาให้ดูเรียกน้ำย่อยกันก่อนเท่านั้นนะครับ ยังมีอีกมากมายหลายชนิดที่หลายๆ คนยังไม่เคยรู้และไม่เคยเห็น"!


     หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักกับคำว่าอาหารอีสานและยังไม่เคยลิ้มลองรสของอาหารอีสานว่ามีรสชาตยังไงและหน้าตสเป็นอย่างไร?  อาหารรสเด็ดของภาคอีสานมีมากมายหลายรูปแบบและหลากหลายรสชาต แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีรสชาตที่จัดจ้าน  เน้นความเป็นอีสานด้วยการแต่งหน้าตาของอาหารและนำพืชผักและเครื่องเทศของอีสานมาปรับใช้เข้าด้วยกัน  จึงทำให้บ่งบอกได้ว่าเป็นอาหารอีสานและดูจากหน้าตาของอาหารแล้วจะบ่งบอกถึงรสชาตและความเป็นอีสาน